Ticker

6/recent/ticker-posts

จุลพันธ์ วงศกิตติรักษ์ หนุ่มไม่ธรรมดา บริหารร้าน.....ชาบู บู๊ตึ๊ง ปีเดียว ทำรายได้ทะลุ 100 ล้าน


         ได้มีโอกาสพบกับคนรุ่นใหม่ ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ริเริ่มทำด้วยมือและใจรัก จุลพันธ์ วงศกิตติรักษ์ หรือ เกม เจ้าของร้าน "ชาบู บู๊ตึ๊ง" ซึ่งกำลังฮอตและเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในจังหวัดลพบุรี และในอีกหลายๆ จังหวัดที่เปิดสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 


         จุลพันธ์ วงศกิตติรักษ์ หรือ เกม ได้เล่าให้ฟังว่า " ระหว่างไปเรียนด้านโลจิสติกส์ ที่ประเทศสก๊อตแลนด์  ก็เหมือนคนไทยทั่วๆ ไป ต้องช่วยเหลือตัวเอง โดยเฉพาะทำอาหารกินเอง ซึ่งเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว ตอนอยู่ที่นั่น มีเพื่อนเยอะ ชอบมาสังสรรค์กัน ก็คิดว่าทำอะไรกินกันดี เพื่อกินกันเป็นกลุ่มได้ง่ายๆ เลยลองทำชาบูกินกัน แรกๆ ก็เปิดวิธีทำจาก Youtube ว่าทำยังไง ผมสนใจน้ำซุปซอสสีดำ สไตล์ญี่ปุ่น ตอนนั้น ในเมืองไทยยังไม่ค่อยมีนะ ทำไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ ก็ชมว่าอร่อย ถ้ากลับไปเมืองไทยน่าจะเปิดร้านได้ เวลามีญาติผู้ใหญ่จากไทยมาเยี่ยม ผมก็ทำชาบู น้ำซุปดำ รับรอง ญาติก็ออกปากชมว่าอร่อย เลยมีความคิดว่า ถ้ามีโอกาสก็น่าจะมาเปิดร้านดู  
        หลังจากเรียนจบ ผมก็กลับมาเมืองไทย ช่วงแรกๆ ช่วยคุณแม่ดูแลรีสอร์ทที่"ปาย" และหุ้นกับเพื่อนเปิดบริษัทขายเครื่องจักร สักพักหนึ่งก็คิดว่า น่าจะเปิดร้านชาบูดูนะ เพราะเป็นสิ่งที่เราชอบทำ ผมชอบดูหนังจีนกำลังภายใน เลยตั้งชื่อร้านว่า "ชาบู บู๊ตึ๊ง" ผมคิดว่าคนทั่วไปก็คงชอบดูหนังจีนแล้วคุ้นเคยคำว่า "บู๊ตึ๊ง" 


       ตอนแรกๆ ไม่ค่อยกล้าลงทุนมากนัก เพราะไม่รู้ว่าร้านจะขายดีไหม จะไปได้หรือเปล่า ก็พยายามใช้ต้นทุนอย่างประหยัดที่สุด อย่างโลโก้ ผมก็ออกแบบเองคร่าวๆ แล้วจ้างให้กราฟฟิควาดให้ เป็นภาพจอมยุทธมีอายุหน่อย มีเคราเท่ๆ มือถือตะเกียบ แบบศิษย์เอกบู๊ตึ๊ง อะไรประมาณนั้น ดูรวมๆ เหมือนการ์ตูนแอนนิเมชั่นในเกมคอมพิวเตอร์สมัยใหม่  ชื่อร้านแบบนี้ คอนเซ็ปต์ในการแต่งร้านก็ต้องสอดคล้องกัน โดยการตกแต่งภายในจะออกแบบให้ดูคล้ายๆ โรงเตี๋ยมในหนังจีน เมนูต่างๆ ก็ตั้งชื่อเป็น เมนูศิษย์น้อง เมนูศิษย์พี่ ซึ่งคนที่เข้ามากินก็รู้สึกชื่นชอบและบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ทำให้ร้านเป็นที่รู้จัก  

     


        ร้าน "ชาบู บู๊ตึ๊ง" สาขาแรก เปิดที่จังหวัดลพบุรี เพราะเป็นจังหวัดบ้านเกิดที่ผมอยู่ คิดว่าถ้ามาเปิดในกรุงเทพฯ ก็จะต้องแข่งขันกันเยอะ อีกอย่างหนึ่งคือ ผมอยากให้คนในต่างจังหวัด ได้กินอาหาร อร่อยๆ ได้มีร้านมานั่งสังสรรค์เป็นกลุ่ม ในราคาที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้สบายๆ  ที่ร้านจะให้บริการแบบบุฟเฟต์ กินได้ไม่อั้น ไม่จำกัดเวลา ความเด็ดอยู่ที่น้ำซุป มีให้บริการ 3 ซุป คือ ซุปใส, ซุปต้มยำ และ ซุปน้ำดำ ลูกค้าสามารถเลือกได้ 2 ซุป โดยซุปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ "ซุปดำ" เพราะรสชาติกลมกล่อม ผมดูสูตรเอง ใช้ส่วนผสมเครื่องปรุงนำเข้าจากต่างประเทศล้วนๆ ทำให้อร่อยไม่เหมือนใคร 



      เมนูที่จัดเตรียมไว้ให้ก็ให้อย่างหลากหลาย อย่างชุดเริ่มต้น ขายในราคาเพียง 189 บาท เรียกว่าชุดศิษย์น้อง มีชุดผักอย่างดี เนื้อหมู ลูกชิ้น เต้าหู้ปลา รวมๆ แล้วกว่า 30 รายการ ยิ่งคุ้มขึ้นไปอีก เพียงเพิ่มอีก 50 บาท เป็นราคา 239 บาท จะได้รับเนื้อโคขุน อาทิ เนื้อริบอาย เนื้อใบพาย เนื้อสันคอ เนื้อน่องลาย เนื้อลูกมะพร้าว เนื้อหมูคุโรบุตะ หอยเชลล์ ปลาดอลี่ ปลาหมึกหอม กุ้ง ฯลฯ แบบเติมได้ไม่อั้น เรียกว่าชุด "ศิษย์พี่" 


     ด้วยความเอาใจใส่ต่อคุณภาพอาหารและการดูแลลูกค้า ทำให้ความอร่อยของ "ชาบู บู๊ตึ๊ง" เป็นที่กล่าวขานและมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนอย่างเนืองแน่น ทำให้ต้องขยายสาขา โดยปัจจุบันมี 12 สาขา ได้แก่ ลพบุรี 2 สาขา, อยุธยา, สระบุรี, สุพรรณบุรี, น่าน, ระยอง, จันทบุรี, บางแสน, อมตะนคร, รังสิตคลอง6 และ ม.กรุงเทพ (รังสิต)  ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น 


          ให้บริการร้าน "ชาบู บู๊ตึ๊ง" แล้วมีความสุขมากครับ ได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ตอนนี้ ผมให้ความสำคัญกับการดูแลร้านมากกว่าอย่างอื่น ได้เห็นลูกค้ากินอาหารอร่อยๆ มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ โดยเฉพาะคนในต่างจังหวัด ที่มีร้านแนวนี้ไม่มากนัก ตอนนี้ ก็มีศูนย์การค้าหลายๆ แห่งติดต่อมาให้เข้าไปเปิดร้าน แต่ก็ยังคิดๆ อยู่ เพราะถ้าเข้าไปอยู่ในห้าง ราคาก็ต้องปรับ ด้วยค่าเช่าและปัจจัยอีกหลายๆ อย่าง ส่วนการขยายแฟรนไชน์ ยังเป็นแผนในใจ เพราะคิดว่าต้องให้ทุกอย่างพร้อมกว่านี้ เพื่อคุณภาพที่ดีที่จะมอบให้กับลูกค้า ถามว่าประสบความสำเร็จไหม ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงานที่รัก ที่ตั้งใจจะทำครับ ทุกๆ วันมีลูกค้าเข้ามากินแต่ละสาขา เฉลี่ยวันละ 500 คน ในระยะเวลาปีกว่าๆ มีรายได้รวมๆ แล้วมากกว่า 100 ล้านบาท ผมว่าก็เป็นตัวเลขที่เกินความคาดคิดครับ"..

        มองเห็นความสำเร็จของคนรุ่นใหม่ ที่ตั้งใจบริหารงานและให้บริการในสิ่งที่ตนเองรัก และธุรกิจเกิดจากสิ่งใกล้ๆ ตัวที่ตนเองชอบ แล้วก็รู้สึกชื่นชม อยากให้เป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ ที่กำลังเป็นสตาร์ทอัพ ได้มีกำลังใจ และใส่ใจต่อธุรกิจบริการของตนเอง จะได้ไปสู่ความสำเร็จเช่นเดียวกับหนุ่มคนนี้ "จุลพันธ์ วงศกิตติรักษ์"







Post a Comment

0 Comments